ราชอาณาจักรไทย...
งานพระราชพิธีที่ผ่านมา เหมือนพัดที่คลี่เอาศิลปชั้นสูงของชาติไทยที่สะสมมาตลอดหลายร้อยปี ออกมาให้ชาวโลกเห็น อยากบอกว่าที่เราในยุคนี้อยู่และเห็นในชั่วชีวิตหนึ่งเป็นแค่ซี่พัดซี่เดียว งานพระราชพิธีครั้งนี้เปิดให้เห็นความละเมียด ความสง่างาม งานศิลปและวัฒนธรรมชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชาติหนึ่งของโลก
ศิลปวัฒนธรรมที่มีค่าที่สุด คือวัฒนธรรมที่ยังคงดำรงอยู่และ ยังใช้อยู่ ไม่ตาย หรือหายไปแล้วนะ
ขนบธรรมเนียมชั้นสูงของคนชั้นสูง ของจีน อียิปต์ ฝรั่งเศส หรือชาติต่างๆ ตอนนี้เป็นเรื่องเล่า ต่อให้อลังการอะไรก็เป็นเรื่องเล่าเอาไว้เรียน แต่งานพระราชพิธีของเรา คือเป็นวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมชั้นสูง ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีการใช้จริง มีธรรมเนียมมาแต่โบราณ จากอยุธยามาจนวันนี้
ดังนั้นก็เป็นเรื่องไม่แปลก ที่คนที่มาจากต้นกำเนิดจากประเทศใหม่ ที่สร้างจากคนชั้นรอง ๆ มา เขาไม่เข้าใจ ? ก็ต้นกำเนิดพวกเขาไม่ได้มีคนชั้นสูง สะสมภูมิความรู้อะไรมาก่อน บางประเทศเกิดจากคนคุกด้วยซ้ำ บางประเทศเกิดจากคนสิ้นเนื้อประดาตัว ตามหาปัจจัยพื้นฐาน หาอาหาร หาข้าวกิน รับจ้างทั้งชีวิต เพราะไม่มีแม้แต่อาหาร จนยอมเสี่ยงชีวิตไปตายเอาดาบหน้า ไปค้นหาที่ทำกินใหม่ ๆ บรรพบุรุษพวกเขาเป็นแบบนี้ เขาจะเอาอะไร ? จะมาเข้าใจศิลปการใช้ชีวิตของคนที่มีวัฒนธรรมยาวนานล่ะ ?
จำไว้นะ ? ศิลป เกิดจากความเหลือ เหลือกิน เหลือใช้ เหลือเวลา เหลือแรงงาน จนสามารถสร้างสรรค์ ทดลอง สั่งสม ทับถม จนเป็นงานศิลปหนึ่งชิ้น อย่าเอางานพระราชพิธีของ มหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักของไทย สืบสันติวงศ์มายาวนานเป็นร้อยปี มาตีมูลค่าเลย คนจนความคิด คนจนรากเหง้า เท่านั้นแหละที่มาวิจารณ์ มาตีค่า ชาติที่มีค่า คนที่มีค่าเขา รู้สึกเฉย ๆ กับงานศิลปอันยิ่งใหญ่นี้นะ
แอบคิดกังวลด้วยซ้ำว่างาน จะสมพระเกียรติ ของพระองค์หรือเปล่าด้วยซ้ำ ว่าไปงานพระราชพิธีนี้ ยังน้อยกว่ารายได้การขายเครื่องสำอาง หลายแบรนด์ในปีนี้ หรือต้นทุนทำหนังฮีโร่ที่ไม่มีอยู่จริง ความยาวไม่ถึงสองชั่วโมง พล็อตเรื่องราวตามหาความดีของ ประเทศเสรีนิยมบางประเทศเสียอีก เข้าใจตรงกันนะ !!!
เรียบเรียงใหม่จากไลน์ ไม่ทราบต้นตอใครเขียน
ขอขอบคุณ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น