1 เมษายน 2561 ครบรอบอายุ 57 ปี เข้าโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้วนะเรา ก็เหมือนเช่นทุกๆปี ในวันครบรอบวันเกิด ตื่นตีห้าเศษ มาหากับข้าวใส่บาตรพระแถวตลาดบางปลาม้า มากันสี่คน น้องปั๊ก ศรีภรรยา ลูกแมว ลูกสาวคนกลาง และ โจโจ้ ลูกชายคนเล็ก หกโมงเศษเสร็จสิ้นภารกิจ ยังเช้าอยู่เลย มาหาข้าวเช้ากินกันในตัวเมือง ครัวสะตอป่า อาหารปักษ์ใต้ ไม่ได้มาแวะนาน แต่ก็ยังคงความอร่อย เหมือนเช่นเคย
เปิดโทรศัพท์มีเพื่อนพ้อง น้องพี่ เข้ามาอวยพรวันเกิด กันมากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนสนิท มิตรสหาย ที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เพื่อนสมัยเด็กๆที่ รร.วัดป่าพฤกษ์ เพื่อนสมัยมัธยม ที่ รร.สูงสุมาร เพื่อนครูเมื่อครั้งเป็นครูอยู่ สิบปี เพื่อนสมัยทำงาน บริษัทเอกชน เพื่อนที่เคยเป็นกู้ภัย ด้วยกัน เพื่อนสมัยเป็นนักข่าว แฟนคลับ แหล่งข่าว ลูกค้า และ บรรดา ญาติสนิท มิตรสหาย ลูกหลาน ฯลฯ ก็ต้องขอขอบคุณ กันอีกครั้งสำหรับคำอวยพร ที่มอบให้ ชื่นใจกันทุกปี มีกำลังใจเหลือล้น ในน้ำใจ ไมตรี จาก ทุกท่าน
อีกสองเดือน ลูกชายคนเล็กก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็คงหมดห่วง สำหรับภาระหน้าที่ ในฐานะ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง เรื่องงาน ก็สุดแล้วแต่ อยากทำงานอะไร ก็เลือกเอาที่ชอบ หากรายได้มากก็จะสร้างฐานะ ได้เร็วหน่อย หากรายได้น้อย ก็ต้องรู้จักเก็บออม ประหยัดใช้ จะได้ไม่ลำบาก เรื่องนี้ ก็ไม่ค่อยห่วง เพราะลูกๆ ทุกคน ไม่เคยทำให้หนักใจ เมื่อวาน ลูกแมว เอาสตางค์มาให้ บอกลูกไปว่า เก็บไว้ใช้เถอะ ลูกก็ไม่ยอม บอกโบนัสออก ให้ทุกคน ให้แม่ ให้พ่อ ให้พี่ชาย ให้น้องชาย ก็เลยรับไว้ ลูกแมว เป็นวิศวกร อยู่ บริษัท เอกชน รายได้ดี เสาร์ อาทิตย์ ที่ทำงานหยุด ก็กลับมาช่วย ที่ร้านพิซซ่าไทย หาเสื้อผ้า ของใช้มาขาย ที่หน้าร้าน คนนี้เขาขยัน เหมือนแม่เขา ไม่ค่อยห่วง
ปีนี้ ตัวเอง ก็มาช่วยที่ร้านพิซซ่าไทย พาแม่ค้ามาเปิดร้านก่อน เพราะร้านเปิดสิบโมง ลูกชายให้ตามมาทีหลัง ประมาณ สิบเอ็ดโมง ช่วงเช้าไม่ค่อยยุ่ง ก็อยู่กันแบบสบายๆ ผมจะตื่นนอนแต่เช้า ประมาณหกโมง ทำความสะอาด ลานบ้าน ช่วงนี้ ใบหูกระจงรอบบ้านจะร่วงมาก ต้องกวาดทุกวัน ถางหญ้า รดน้ำต้นไม้ กล้วยหอม กำลังออกเครืออีกรุ่นหนึ่งแล้ว มะนาวก็กำลังออกดอก ออกผล มะเขือยาว มะเขือเปราะ พริก หน่อไม้ฝรั่ง ตะไคร้ โหระพา ผักชีฝรั่ง กระเพรา มะกรูด มะม่วงสามฤดู ก็หมั่น รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จะได้ออกดอกออกผล ให้ไว้กิน ไม่ต้องซื้อ เป็นกิจวัตร ประจำวัน ประมาณเก้าโมงเศษ จะเสร็จภารกิจ เข้าไปกินข้าวเช้า สองคน ตายาย แล้วก็ออกจากบ้านมาที่ร้าน พิซซ่าไทย ในตัวเมืองสุพรรณบุรี
ร้านจะเปิด สิบโมง ปิดสองทุ่ม สองแม่ลูก จะเป็นคนขาย ส่วนตัวผมจะคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง ซื้อของให้บ้าง โอนเงินค่าสินค้า ค่าชีท ค่าแป้งพิซซ่า บางทีก็ไปส่งพิซซ่า ให้บ้าง แล้วแต่จังหวะ ก็จะอยู่กันแบบสบายๆ ลูกค้าก็จะมีเรื่อยๆ ในช่วงกลางวัน มากหน่อยในช่วงเย็น และ ค่ำๆ ปิดร้านสองทุ่ม ลูกชายจะกลับก่อน ผมกับแม่บ้านจะช่วยกันเก็บของปิดร้าน ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย เรื่องข้าวปลาอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะทำกินกันที่ร้านเลย บ้านก็อาศัยเอาไว้นอน ที่ร้านจะหยุด ทุกวันพุธ เพื่อให้ แม่ค้า พ่อค้า ได้พักบ้าง ก็ต้องบอกว่า เป็นอาชีพที่เราเลือกกันแล้วว่า น่าจะสบายๆ ไม่เหน็ดเหนื่อยมากนัก
งานข่าวท้องถิ่น ที่เป็นหนังสือพิมพ์ ก็หยุดพักก่อน งานข่าวภาคสนาม ก็เอาที่จำเป็นจริงๆ ส่วนใหญ่จะทำงาน ด้านแอดมิน ลงข่าว ออนไลน์ให้ ก็ไม่ยุ่งมาก พอได้ ปีนี้จึงรู้สึกว่า ตัวเองสบายๆ งานสังคม ก็หยุดพัก ออกงานแต่เฉพาะที่จำเป็น เช่น งานศพ ซึ่งเป็นเรื่องของความสูญเสีย ความเสียใจ ไปร่วมงาน เจ้าภาพก็ดีใจ ผ่อนคลายทุกข์โศกได้บ้าง งานร้องเรียน ก็ไม่ค่อยรับ แนะนำให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ปีนี้จึงไม่ยุ่งเลย ถือว่าเป็นปีที่ ชิวๆ ที่สุด
ก็อยากบอกว่า .. มนุษย์เรา หากไม่ฟุ้งเฟ้อ ทะเยอ ทะยาน อะไรมากนัก หางานที่เหมาะ กับ ครอบครัวตัวเองทำ มีรายได้เลี้ยงชีพ ได้อยู่กับครอบครัว แบบอบอุ่น ไม่สร้างภาระหนี้สิน มีเงินเก็บออมไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ได้ทำประโยชน์ เพื่อผู้อื่น และ สังคมบ้าง ได้ดูแล ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด ถือว่า ชีวิต มีสุขแล้ว ซึ่งตัวเอง ก็เห็นเช่นนั้น
การเป็นแบบอย่าง ที่ดี ให้คนในครอบครัว เรื่องนี้ ก็สำคัญ ทำให้เห็น ส่วนเขาจะทำตาม หรือไม่ ก็แล้วแต่ ให้เกิดการซึมซับ เอาเอง บางอย่างเขาไม่ชอบก็อาจไม่ทำ แต่บางอย่างที่เขาชอบเขาก็จะทำตาม ไม่ใช้ของหรู ซื้อของตลาดนัด ไม่ผ่อนสินค้า ไม่สร้างภาระผูกพัน ไม่สร้างหนี้ แนะให้เก็บออม ช่วยงานในบ้าน ต้องจ่ายค่าแรง ให้เงินเดือน จะได้มีรายได้ส่วนตัว ไว้ใช้จ่าย ทุกฝ่ายก็มีสุข สบายใจ
เรวัติ น้อยวิจิตร
01 04 2018
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น