วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สุพรรณบุรี รวบแล้ว ฆาตกรฆ่าสาวใหญ่เจ้าของเป็ดไล่ทุ่ง หลังเตรียมหนี จากกาญจนบุรี เข้ากรุงเทพ ฯ



            ที่ จ.สุพรรณบุรี จากกรณีพบศพนางสาวกำไล มีชนะ อายุ 49 ปี ชาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ที่เสียชีวิตอยู่ภายในคลองชลประทาน เลียบถนนสายบ้านดอยมะเกลือ-บ้านเสาธง หมู่ 5 ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ตรวจสอบสภาพศพมีบาดแผลที่คิ้วขวากกหูซ้ายและแก้มซ้าย สอบสวนทราบว่าเดิมผู้ตายมีอาชีพเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ต่อมาได้จ้างนายด้วง ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล มาช่วยเลี้ยงเป็ดโดยมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ต่อมาผู้ตายติดเงินค่าจ้างนายด้วง 4,000-5,000 บาท และนายด้วงได้ทวงถามเรื่อยมา กระทั่งผู้ตายหยุดเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง หันมารับจ้างพี่ชายตัดไม้โดยพานายด้วงมาทำงานด้วยหลังเกิดเหตุด้วงก็หายตัวไป สันนิษฐานว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือฆ่าด้วยความโมโหที่ผู้ตายติดหนี้ไม่ยอมจ่ายและหึงหวง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดจับกุมคนร้ายมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้





           ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 22 ต.ค. พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผกก.สภ.บางปลาม้า พ.ต.ท.นิยม แตงโสภา รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.วิชัย ปริ่มปาน สวป.พ.ต.ท.ภูริภัทร ภิรมย์ภู่ สว.สส.ร.ต.อ.กิติทัศน์ เจ็ดวรรณะ รอง สว.สส.ร.ต.อ.พนม มั่นปาน รอง สวป.นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและสืบสวนกว่า 20 นายคุมตัวนายวิมล  กองเงิน หรือด้วง อายุ 49 ปีบ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 8 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 269/2561 ลงวันที่ 24 ส.ค.2561 ข้อหาฆ่าผู้อื่นไปทำแผนขั้นตอนการก่อเหตุ ประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณเพิงพักคันคลองส่งน้ำชลประทาน หมู่ 3 ต.รั้วใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายใช้เป็นที่พักและอนุบาลลูกเป็ดไล่ทุ่ง และเป็นที่นั่งดื่มสุรากันก่อนที่จะเกิดเหตุ





            จากการสอบสวนนายวิมล ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุฆ่านางสาวกำไล จริงส่วนสาเหตุเกิดจากความโมโหที่ผู้ตายติดหน้าค่าจ้างตนเลี้ยงเป็ดรวมเป็นเงินกว่า 10,000 บาทเมื่อทวงถามผู้ตายก็จะบ่ายเบี่ยงจนสุดท้ายผู้ตายได้เลิกเลี้ยงเป็ดหันไปรับจ้างตัดไม้กับพี่ชายโดยผู้ตายได้พาตนไปทำงานด้วยต่อมาตนและผู้ตายได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแต่ตนยังไม่ลืมเงินค่าจ้างที่ติดค้างอยู่พยายามทวงถามแต่ก็ไม่ได้ กระทั่งเย็นวันที่ 10 ส.ค.ตนและผู้ตายได้นั่งดื่มสุรากันที่เพิงพักจนดึกหลังจากเมาได้ที่ตนจึงได้ทวงถามเงินจากผู้ตายอีกแต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมจ่ายตนจึงพูดหยอกล้อว่าถ้าเจ๊ ไม่จ่ายผมจะหนีไปมีเมียใหม่นะทำผู้ตายไม่พอใจคว้าท่อนไม้มาตีตน ตนพยายามยกแขนป้องและแย่งท่อนไม้ไว้แต่เจ๊ ไม่ยอมหยุดจึงเกิดการยื้อแย่งท่อนไม้จนมาถึงริมคลอง ระหว่างที่เกิดการยื้อแย่งนั้นท่อนไม้ได้กระแทกเข้าบริเวณท้องน้อยของเจ๊ ทำให้เจ๊ ล้มกลิ้งลงไปในคลองที่ลึกและกระแสน้ำไหลเชี่ยว ตนพยายามจะลงไปช่วยแต่ว่ายน้ำน้ำไม่เป็นเจ๊ จึงจมหายไปในน้ำ หลังจากนั้นตนจึงกลับมานั่งอยู่ในเพิงพักจนเกือบสว่างจึงคิดว่าถ้าเจ๊ ตายไปคงจะหนาวเนื่องจากไม่ได้สวมเสื้อจึงนำเสื้อของเจ๊ ไปเผาไฟเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ดวงวิญญาณของเจ๊ ก่อนจะเดินไปเรื่อยเปื่อยจากนั้นได้ขึ้นรถหนีไปหางานทำที่ จ.กาญจนบุรี และกรุงเทพ ช่วงที่อยู่ จ.กาญจนบุรี ตนมีเงินติดตัวเพียง 200 กว่าบาทจึงใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปซื้อตั๋วรถไฟเดินทางเข้ากรุงเทพกระทั่งถูกตำรวจแกะรอยตามจับได้








             ทางด้าน   พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายวิมล จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมพร้อมกับประสานไปยังท้องที่ต่างๆกระทั่งได้เบาะแสว่าคนร้ายได้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปซื้อตั๋วรถไปที่ จ.กาญจนบุรี เดินทางเข้ากรุงเทพ จึงได้ประสานกับ พ.ต.อ.บัณฑิต สิงหประชา ผกก.3 บก รฟ.พ.ต.ท.ฐิติกร วันเจริญพันธุ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี กระทั่งพบผู้ต้องหานำบัตรสวัสดิการแห่งมาซื้อตั๋วรถไฟ อีกจึงได้จับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าวซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป







 ภัทรพล  พรมพัก/สุพรรณบุรี
เรวัติ น้อยวิจิตร Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น