เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 16 ม.ค. ร.ต.ท.กรกต สบายยิ่ง พงส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายตรวจศูนย์บริการประชาชน ตำบลทับตีเหล็ก ว่าได้ร่วมกับชาวบ้านจับคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ ระฆังวัดประสพสุข เอาไว้ได้พร้อมของกลาง จึงไปสอบสวนพบเจ้าหน้าที่สายตรวจและชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงอยู่ที่หน้าศูนย์บริการประชาชนซึ่งเป็นที่ควบคุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือนายเด่น นันทาธิราช อายุ 41 ปีอยู่บ้านเลขที่ 147 หมู่ 8 ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี สภาพนุ่งกางเกงสีน้ำเงินขาสั้นลายการ์ตูน ไม่สวมเสื้อสภาพตามตัวมีรอยข่วนทั่วตัว
จากการสอบสวนนายเด่น ผู้ต้องหาให้การว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุลักระฆังของวัดจริงสาเหตุเพราะไม่มีเงินใช้ ก่อนหน้านี้ตนทำงานรับจ้างทั่วไปต่อมาไม่มีใครจ้างจึงได้ขี่จักรยานสองล้อเร่ร่อนไปตามวัดต่างๆเพื่อหาข้าวกินประทังชีวิตกระทั่งมาถึงวัดประสพสุขจึงเข้าไปนอนเล่นที่ศาลาวัด ก่อนจะขี่จักรยานไปที่หน้าโบสถ์ เห็นระฆังทองเหลืองขนาดสูง ประมาณ 1 ฟุตวางอยู่กับพื้นจึงขโมยใส่ตะกร้าจักรยานปั่นหลบหนีโดยไม่ได้ระวังว่าจะมีคนเห็นสุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านช่วยกันไล่จับตัวไว้ได้
นางสำราญ ทองอ่อน อายุ 47 ปีแม่บ้านของวัดเล่าว่าขณะเกิดเหตุตนได้ขึ้นไปทำความสะอาดบนกุฎีพระอธิการวิสุทธิ์วิสุทโธ (หลวงเตี่ย)เจ้าอาวาส ซึ่งใกล้กันขณะที่กำลังทำงานสายตาเหลือบไปเห็นคนร้ายคือนายเด่น กำลังเดินเข้าไปที่หน้าโบสถ์แล้วยกระฆัง เดินไปใส่ตะกร้าหน้าจักรยานสองล้อปั่นออกประตูข้างวัด จึงตะโกนให้ญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมในวัดและชาวบ้านใกล้เคียงช่วยสกัดจับแต่คนร้ายได้ทิ้งระฆังและจักรยานทิ้งแล้ววิ่งหนีเข้าป่าละเมาะเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 1 ชม.จึงสามารถจับตัวไว้ได้
ทางด้านพระอธิการวิสุทธิ์วิสุทโธ (หลวงเตี่ย)เจ้าอาวาสวัดประสพสุข สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่าที่วัดมักมีคนร้ายเข้ามาขโมยเงินที่ญาติโยมทำบุญใส่ตู้รับบริจาคหน้าวิหารสมเด็จหลวงพ่ออู่ทอง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนเคารพนับถืออยู่บ่อยครั้ง กระทั่งมาครั้งนี้ก็มีคนร้ายเข้ามาขโมยระฆังวัด ที่ใช้สำหรับตีเรียกพระสงฆ์เข้าปฏิบัติธรรมในโบสถ์ซึ่งราคาประมาณ 1,000 กว่าบาทซึ่งคนร้ายไม่น่าทำไม่มีข้าวกิน หรือไม่มีเงินก็ควรจะขออาตมาก็จะให้จึงอยากฝากไปถึงคนร้ายที่คิดจะก่อเหตุลักทรัพย์ในวัดต่างๆนั้นขอให้เปลี่ยนใจเถอะของในวัดนั้นศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่นระฆังของวัดนี้ก็เช่นเดียวเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จหลวงพ่ออู่ทอง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านจับคนร้ายได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เกรียงไกร ก่อเกียรติตระกูล บรรณาธิการข่าวท้องถิ่น อู่ทองนิวส์
เรวัติ น้อยวิจิตร hub admin rewat.noyvijit@hotmail.com 08-1910-7445
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น