วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สระบุรี ตำรวจ รวบสองผัวเมีย ชาวเวียตนาม แก๊ง ผลิตน้ำส้มปลอมเร่ขายตลาดนัด



           สระบุรี  รวบสองผัวเมีย ชาวเวียตนาม แก๊ง เวียดนามหวังรวยทางลัดผลิตน้ำส้มปลอมผสม ขัณฑสกร หลอกเร่ขายตลาดนัด




         


              จากกรณีที่โลกออนไลน์ หลังเมื่อ วันที่ 22 พ.ค.59  มีคนที่อ้างเป็นคนสวนส่งรูป ประจาน พร้อมแจ้งเตือน ให้ส่งต่อ  ข้อความว่า เป็นคนเวียดนาม ทำน้ำส้มปลอมใส่ ขันฑสกร  ลงถังแล้วเติมน้ำก๊อก ผสมสีใส่ มีน้ำผลไม้อื่นด้วย คนสวน ฝากให้ผมช่วยกระจายด่วน อย่าซื้อกินแล้วตอนนี้กระจาย ทั่วสระบุรี หนองแค มวกเหล็ก รังสิต วิชานี้เรียนจากคนไทย โดยอ้างว่าเป็นรูปที่ถ่ายในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก ส่งขาย จนมีการส่งต่อเข้าในโซเชียล สื่อมวลชนจังหวัดสระบุรี จึงมีการติดตามกัน อย่างกว้างขวาง  มีการแชร์ภาพ ของพ่อค้าแม่ค้าโดยในรูปดังกล่าว ปรากฏภาพกลุ่มคนชายคนหนึ่งกำลังผสมและบรรจุน้ำส้มจากะ ละมัง ลงในขวดพลาสติกที่ และเอาใส่รถไปหลอกขายตามตลาดนัดหรือเร่ขายตามสถานที่ต่างๆ  โดยมีส้มจริงวางประดับอยู่บนรถเข็นเพื่อให้ดูน่ากิน      หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว หน่วยงานต่างๆจึงมีการระดมกระจายข่าวสารส่งต่อ ขอความร่วมมือให้แจ้งเบาะแส เช่นเมื่อ 23 พ.ค.59 เวลา 08.58 น.  กรณีน้ำผลไม้ปลอม ขณะนี้ สสจ.สระบุรี  กำลังติดตามหาแหล่งผลิต ท่านใดมีข้อมูล ขอความกรุณาแจ้งมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี โทร.036211015  / 036223120





               ล่าสุด  (23  พฤษภาคม 2559)  ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับฝ่ายปกครอง   ทหาร ตำรวจ ที่อำเภอมวกเหล็ก หลังจากเจ้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก ได้จับกุมสองสามีภรรยาชาวเวียดนามพร้อมรถเข็นที่และน้ำส้มทั้งแบบเป็นลูกคั้นสดและแบบบรรจุขวด นำมาตรวจสอบ  โดยสามีชาวเวียดนามชื่อนายบิง อำแทงปิง อายุ 45  และภรรยาชื่อนางดิ่ง  เรทิดิง  อายุ 42 ปี จากนั้นฝ่ายปกครองอำเภอมวกเหล็ก นำโดยนาย พลวรรธน์  เทียนชัยมงคล  นายอำเอมวกเหล็ก  พ.ต.อ.สามารถ แก้วมณี ผกก.สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จ.ส.อ.พิชัยยุทธ์ โสภณ  หัวหน้าชุดปฏิบัติการควบคุมพื้นที่ฯ  ศูนย์การทหารม้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่ห้องเช่าเลขที่ 499/15 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็กจังหวัดสระบุรี โดยพบอุปกรณ์ในการผลิตน้ำส้มมากมายหลาย รายการอาทิ ขวดบรรจุน้ำส้ม  น้ำส้มบรรจุขวดที่ใช้เป็นหัวเชื้อผสม  ส้มแท้ๆ อุปกรณ์คั้นน้ำส้ม ภาชนะในการผสม วางอยู่ในบริเวณห้องครัวและในห้องน้ำของห้องเช่า

           



            ทั้งนี้สองสามีภรรยาชาวเวียดนามให้การว่า ตนสองคนอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่งเข้ามาค้าขายในพื้นที่จังหวัดสระบุรีได้เพียง 2 ปี แต่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมากว่า 10 ปี และทำอาชีพเร่ขายน้ำส้มตามตลาดนัด โดยวิธีการทำน้ำส้มคั้นของตนเองนั้นก็จะนำสั้ม ที่เป็นลูก มาคั้นก่อนแล้วก็จะนำน้ำส้มที่เป็นขวดนำมาผสมให้เจือจาง แล้วผสมกับน้ำประปา ขัณฑสกร  คนรวมกันใส่ในกะละมังแล้วนำมาบรรจุเป็นขวดออกวางขายในราคา 20 บาท   ซึ่งเจ้าหน้าที่ ถามต่อว่า แล้วภาพที่มีการโพสภาพ ทีมีการใช้สายยางเติมน้ำลงใน กะละมัง คล้าย กะลังมัง ซักผ้า  และน้ำขวดแก้วบรรจุน้ำสีส้มวางอยู่ข้างๆ เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ โดยทั้งคู่ยอมรับว่ารู้จักกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม





           นาย พลวรรธน์ เทียนชัยมงคล  นายอำเภอมวกเหล็กกล่าวว่า หลังจากที่มีภาพเผยแพร่ออกไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองในทุกพื้นที่ออกตรวจสอบทันที ซึ่งในพื้นที่มวกเหล็กก็ได้ประสานกำลังเฝ้าติดตามดูจนทราบเบาะแสและเข้าจับกุมซึ่งทั้งหมดในจังหวัดคาดว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งหมดซึ่งเป็นชาวเวียดนาม ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ มีพาสปอตเป็นนักท่องเที่ยวซึ่งหมดอายุแล้ว และได้ประสานเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีมาเก็บตัวอย่างน้ำส้มเพื่อไปตรวจสอบส่วนผสมอีกครั้งว่ามีสิ่งใดปนเปื้อนอยู่ในนั้นบ้าง ส่วนคดีความ ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งในเรื่องหลอกลวงผู้บริโภค ปลอมแปลงอาหาร ไม่มี  อย.รับรอง การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และจะขยายผลการจับกุมเครือข่ายในพื้นที่ต่อไป




            และนอกจากนี้ ชุดฝ่ายปกครอง   ทหาร  ตำรวจ  สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี เข้าตรวจสอบ ชุมชนหมู่บ้านไทยสมุทร อำเภอเมือง จ.สระบุรี พร้อมจับกุมชาวเวียดนามได้อีก 2 คน คือนางวัน ติดาว อายุ 40 ปี และนายดิน วันเรือง อายุ 23 ปี พร้อมอุปกรณ์ในการผลิตน้ำส้ม ได้จำนวนหนึ่ง และยอมรับว่าเป็นเครือขายเดียวกัน




           ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้ฝากเตือนพี่น้องประชาชนในการเลือกซื้อน้ำส้มคั้นหรืออาหารต่างๆตามท้องตลาดโดยเฉพาะตลาดนัดให้พิจารณาดูป้ายฉลาก หรือบรรจุภัณฑ์ ก่อนเลือกซื้อ




(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)
เรวัติ น้อยวิจิตร นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น