วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เชียงใหม่ สื่อมวลชน ตรวจสอบความคืบหน้าคดีบุกรุกสวนป่าเมตาธรรม




            ทีมข่าว บีทีเคนิวส์ และ พลังชน  พร้อมทีมข่าว สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ช่อง 19 ได้ เข้าตรวจสอบความคืบหน้า ความขัดแย้ง ที่ดิน การรุกป่าของ กลุ่มนายทุน  กับ สำนักปฏิบัติธรรม มูลนิธิ เมตตาธรรมรักษ์  ฆาตกรรม พระสุพจน์ พระหนุ่มนักอนุรักษ์ป่า จากสวนโมกข์  เป็นข่าวดังในวงการ พระสงฆ์ ผ่านมา  10 ปี คดีไม่คืบ คนร้ายยังลอยนวล  แถมมียิงปืนข่มขู่มาต่อเนื่อง  หน้า สำนักปฏิบัติธรรม ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่




            เมื่อ 22 ก.พ.58หลังได้รับแจ้งจาก พระกิตติศักดิ์  กิตติโสภโณ เจ้าสำนัก สถานปฏิบัติธรรม สวนเมตตาธรรม มีการยิงปืนข่มขู่ บริเวณหน้า สถานปฏิบัติธรรมและมีการบุกรุก ทำลายสวนป่าโดย กลุ่มนายทุน พื้นที่กว่า500ไร่ ทีมข่าว จึงลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณ บ้านห้วยงูใน หมู่ 5 ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พบพื้นที่เป็นเนินเขา มีร่อยรอยการแผ้วถางป่า  มีต่อไม้หน้ากว้างประมาณ ขนาด 12 เชนติเมตร อยู่จำนวนหนึ่งและร่องรอยการแผ้วถางเป็นบริเวณกว้างกว่า 500ไร่ พบชาวบ้านที่ไม่ขอเปิดเผยนาม อ้างว่าตนได้มาเช่าที่ดังกล่าวทำการเกษตรพร้อมกับชาวเขา เผ่า ปะหล่อง จำนวนหนึ่ง จากกลุ่มนายทุนที่ได้จัดสรรเป็นแปลง แปลงละประมาณ 5-10ไร่โดยเสียค่าเช่าให้กับกลุ่มนายทุนไร่ละ 500 บาทต่อปี เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2555 โดยในปีแรกจะไม่คิดค่าเช่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวยังเป็นป่าเมื่อบุกเบิกจนป่าไม่มีในปีที่2ถึงจะคิดค่าเช่า



             พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ   เจ้าสำนักฯองค์ปัจจุบัน เล่าว่า เมื่อปี 2541 พระภิกษุหนุ่ม "กลุ่มพุทธทาสศึกษา" ซึ่งประกอบด้วย พระสุพจน์ สุวโจ พระมหากิตติ ธัมมปาโล , พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ , พระทวีศักดิ์ จิรธัมโม และพระมหาเชิดชัย กวิวํโส ได้โยกย้ายจากวัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมาจำพรรษาที่สถานปฏิบัติธรรม สวนเมตตาธรรม บ้านห้วยงูใน หมู่ 5 ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่  ตามคำอาราธนาของพระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ (ดร.สิงห์ทน คำซาว) และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ โดยความเห็นชอบของท่านเจ้าคุณโพธิรังสี รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ (ในขณะนั้น) เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม ตลอดจนเผยแผ่ศาสนา ตามแนวทางของท่านพุทธทาสภิกขุ และแนวปฏิบัติของสวนโมกขพลาราม และดูแลที่ดินจำนวนกว่า 1,500 ไร่ ที่พระอาจารย์สิงห์ทนมอบให้อยู่ในความดูแลของสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ซึ่งที่ดินแห่งนี้นั้น เป็นที่หมายปองของนายทุนจากผู้มีอิทธิพล นายทุน ที่หวังจะใช้ประโยชน์จากที่ดินซึ่งมีสภาพเป็นป่าต้นน้ำที่สถานปฏิบัติธรรมดูแลอยู่ ในครั้งแรกเริ่ม ก็มีความพยายามจากผู้มีอิทธิพลพยายามกดดัน ข่มขู่ คุกคาม ต่อผู้อยู่อาศัยในสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจุดไฟเผาป่า ส่งคนมาลอบยิงปืนใกล้กุฏิพระ ส่งคนมาลักลอบตัดฟันต้นไม้และพืชสมุนไพรที่ทางคณะสงฆ์พยายามปลูกไว้เพื่อฟื้นฟูสภาพป่า รวมถึงการเข้ามาข่มขู่พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ และพระสุพจน์ สุวโจ ถึงในบริเวณกุฏิสงฆ์





             ต่อมา คณะสงฆ์ในสถานปฏิบัติธรรมหารือร่วมกับเจ้าของที่ดินเพื่อยกที่ดินจำนวน 800 ไร่ ให้เป็นป่าชุมชน และแบ่งบางส่วนเป็นที่พักสงฆ์ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในพื้นที่ เพื่อช่วยกันดูแลป่าร่วมกันจนมีการจัดตั้งพักสงฆ์ดอยสันกู่ในปัจจุบัน



             ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ปัญหาของสถานปฏิบัติธรรมตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็คือ มีผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นพยายามจะอ้างสิทธิในที่ดิน ทั้งๆ ที่พื้นที่ทั้งหมดทางสถานปฏิบัติธรรมในนามของมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ได้รับมอบจาก ดร.สิงห์ทน คำซาว เมื่อครั้งที่ ดร.สิงห์ทน ออกบวชโดยมีเอกสารสิทธิ น.ส.3 และโฉนดครบ ปัญหา ก็คือก่อนที่พระสุพจน์ สุวโจ ถูกฆ่าในปี พ.ศ.2548 ได้มีผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นแสดงตนเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่ง จนถึงมีการพิพาทกัน เคยมีการส่งคนมาทำร้ายผู้ดูแลสวนของมูลนิธิ มีการแจ้งความดำเนินคดีใน พ.ศ.2545  จนที่สุดเกิดคดีฆ่าพระสุพจน์ สุวโจ  และจนบัดนี้ยังไม่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้



             อนึ่ง  คาดว่าอาจมี เรื่องปัญหาการเมืองระดับประเทศ ที่มีนักการเมืองหรือข้าราชการบางคน บาง กลุ่ม พยายามการแบ่งแยกประชาชนในขณะนั้น (ก่อน คสช.เข้าควบคุมความเรียบร้อย)  เข้ามาเกี่ยวข้อง และหวังกำจัดให้ออกนอกพื้นที่  เนื่องจาก สถานปฏิบัติแห่งนี้ตั้งขึ้นใ นปี 2543 ภายใต้มูลนิธิ “เมตตาธรรมรักษ์” โดยมี นายพิภพ ธงชัย   ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ร่วมเป็นกรรมการชุดก่อตั้ง  เพื่อให้สถานปฏิบัติธรรมอยู่ภายใต้การดูแลของทางมูลนิธิที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยนิมนต์พระสายสวนโมกข์ ประกอบด้วย พระสุพจน์ สุวโจ ที่เสียชีวิตไป พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ และพระมหาเชิดชัย กวิสโส จากสวนโมกขพลาราม สุราษฏร์ธานี มาจำพรรษา แล้วก็มาเผชิญกับการบุกรุก และใช้อิทธิพลเพื่อครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่ได้รับมอบมาโดยต่อเนื่องจนกระทั่งล่าสุด มีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งบุกรุกเข้ามาไถเกรดปรับสภาพที่ดิน เพื่อเตรียมที่จะใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรในพื้นที่ที่ยังมีปัญหา และหากตรวจสอบย้อนไป ตั้งแต่ เริ่มต้น การบุกรุกแผ้วถางป่ามา เมื่อปี พ.ศ.2555 ยังไม่เคย มีคดี การร้องทุกข์กล่าวโทษกับราษฏรที่เข้าบุกรุกแผ้วถางป่าผืนนี้จากหน่วยงานที่รับผิดชอบเลย



           ทีมข่าวจึงเข้าสอบถาม นายพิสิษฐ์  อุบาลี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่5 บ้านห้วยงูในได้รับแจ้งว่าต้องการให้แก้ระเบียบการออก สปก. เพื่อ ป้องการทุจริตการได้รับเอกสารสิทธิ์เนื่องจากในปัจจุบันมักอยู่ในการถือครองของกลุ่มนายทุน สำหรับพื้นที่พิพาท ดังกล่าวตนเคยนำ นักเรียนไปปลูกสวนป่าเนื่องในวันสำคัญของชาติ ยังโดนกลุ่มนายทุนแจ้งกล่าวหาบุกรุก   แม้แต่ ที่พักสงฆ์ดอยสันกู่ที่ได้รับมอบที่ดินจากกรณีข้างต้น มาสร้าง ซึ่งกำลังดำเนินการขออนุญาต จัดตั้งเป็นวัด ขณะนี้มีการก่อสร้าง เจดีย์ พึ่งแล้วเสร็จ  ก็มีการบุกรุก เข้าไป จนเป็นเหตุเจ้าสำนัก สงฆ์ แห่งนี้  หนีหายออกจากวัดไปโดยไม่ทราบสาเหตุ  ดังกล่าว ทั้งนี้เห็นด้วยกับการนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาในการดูแลของสงฆ์เพื่อทำเป็นสวนป่าชุมชนให้ประชาชนได้ประโยชน์และช่วยกันดูแลรักษา ต่อไป



(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)
 เรวัติ น้อยวิจิตร   hub admin rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น